D - is for Decaf

หนึ่งในเหตุผลหลัก ๆ ที่เราดื่มกาแฟกันก็คือ ฤทธิ์ของคาเฟอีน แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าสารกระตุ้นอย่างคาเฟอีนไม่ดีต่อร่างกาย หรืออาจจะแค่ไม่ชอบความรู้สึกหลังจากดื่มก็ได้ แต่ก็ยังติดในกลิ่นรสอันหอมหวานของกาแฟอยู่ เมื่อมีคนต้องการ ก็มีคนจัดให้ กาแฟไม่มีคาเฟอีน หรือ Decaf Coffee จึงถือกำเนิดขึ้นมา 

วิธีการในการผลิตกาแฟ Decaf หรือกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนมีอยู่หลัก ๆ สองวิธี คือ Swiss Water Process (SWP) และ CO2 Method 

SWP เป็นวิธีการเอาคาเฟอีนออกจากกาแฟโดยใช้น้ำ  เริ่มต้นโดยการแช่เมล็ดกาแฟดิบลงในน้ำ รอให้คาเฟอีน และสารเคมีอื่นๆ ที่ทำให้เกิดรสชาติกาแฟ ละลายลงไปในน้ำ จะทำให้ได้น้ำที่มีคาเฟอีน และสารละลายจากกาแฟละลายอยู่เรียกว่า Green Coffee Extracted (GCE) 

จากนั้นเมล็ดกาแฟที่โดนรีดเอาคาเฟอีน และรสชาติออกไปหมดแล้วจะถูกทิ้งไป ส่วน GCE จะถูกนำไปกรองด้วยคาร์บอนฟิลเตอร์เพื่อกรองเฉพาะคาเฟอีนออก เหลือไว้แต่น้ำที่มีสารละลายของรสกาแฟ  หลังจากนั้นกาแฟเขียว Lot ใหม่จะถูกนำไปแช่ใน GCE ที่กรองเอาคาเฟอีนออกแล้ว 

คราวนี้คาเฟอีนจะละลายออกมาจากเมล็ดกาแฟ แต่รสชาติยังคงอยู่ เพราะว่า GCE นั้นอิ่มตัวจากเคมีที่เป็นรสชาติกาแฟอยู่แล้ว ผลผลิตที่ได้ก็คือ เมล็ดกาแฟที่ยังมีรสชาติของกาแฟ แต่ไม่มีคาเฟอีนแล้ว พร้อมที่จะถูกนำไปคั่ว 

อีกวิธีนึงคือ CO2 Method เป็นวิธีที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์เหลวภายใต้แรงดันสูงถึง 1,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว บังคับให้คาร์บอนไดออกไซด์ซึมเข้าไปในเมล็ดกาแฟ และดันเอาคาเฟอีนออกมา ผลลัพท์ก็จะได้เป็นเมล็ดกาแฟ Decaf 

โดยทั่วไปแล้วกาแฟ Decaf มักจะถูกผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบที่เก่า หรือขายไม่ค่อยดี กาแฟ Decaf จึงมีรสชาติที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อเทียบกับเมล็ดกาแฟปกติ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดเอาคาเฟอีนออกจากกาแฟโดยที่ไม่ทำให้กาแฟเสียรสชาติไป (ก็คาเฟอีนก็เป็นหนึ่งในรสกาแฟนี่เนอะ) แต่กรรมวิธีการคั่วที่พิถีพิถันมากขึ้นนั้น ทำให้กาแฟ Decaf อร่อยขึ้นมากกว่าเดิม (แต่มันก็ยังสู้กาแฟปกติไม่ได้อยู่ดี)